เพื่อนๆ หลายคนมักจะมีไอเดียในเรื่องต่างๆ ที่อยากจะทำ แต่ผ่านมานานแล้วก็ยังไม่ได้เริ่มต้นทำเลย หรือบางทีเราเริ่มต้นลงมือทำไปสักพักก็หยุด เพราะแรงบันดาลใจที่มีหายไป สุดท้ายก็ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนไม่สำเร็จไปซะทุกเรื่อง
OKRs เป็นแนวคิดที่ใช้องค์กรซะส่วนใหญ่ ในบริษัทระดับโลกอย่าง Google, Intel, Linkedin ก็ได้มีการนำแนวคิดนี้ไปใช้ในองค์กร แต่เพื่อนๆ อย่าพึ่งรู้สึกเบื่อไป! เราสามารถใช้แนวคิด OKRs มาใช้กับไอเดียของเราได้ง่ายๆ ตามสไตล์ของเราได้เช่นกัน
O = Objectives เป็นวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายหลักของเรา
KR = Key Results เปรียบเสมือนผลลัพธ์หลักที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย
แนวคิดนี้จะเน้นเรื่องที่สำคัญอย่าง Focus และ Commitment โดยตั้งเป้าหมายหลักก่อน (Objective) แล้วตั้งเป้าหมายย่อยๆ รองลงมาหรือเป็น Key result ของเป้าหมาย (Objective) ที่เกี่ยวเนื่องกันไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นขั้นบันได เป็นจุดเช็คพอยต์ทำให้เรารู้ว่าเราเดินไปถึงจุดไหนแล้ว และเราผ่านอะไรมาบ้างจนถึงตอนนี้
ในการตั้ง Key results ควรเป็นการบอกเป้าหมายที่ชัดเจน บอกได้ว่าเราจะทำอะไรให้เสร็จ และใช้เวลาเท่าไหร่ เช่น มีการเช็คความคืบหน้าด้วยการปักหมุด (Milestone) สิ่งที่เราจะทำให้เสร็จ หรือใช้ตัวเลขของผลลัพธ์เข้ามาวัดผลง่ายๆ 1-10 เป็นต้น เมื่อเราเดินมาถึงจุด Milestone เราจะรู้ว่าเราอยู่จุดไหนของเป้าหมายแล้ว (Mission completed) และอาจจะให้รางวัลพิเศษกับตัวเองที่สามารถเดินมาถึงจุดหมายได้ เพื่อเพิ่มแรงจูงใจหรือแรงขับเคลื่อนในใจเราให้สามารถเดินต่อไป
ไอเดียหรือสิ่งที่เราอยากจะทำมักจะได้มาจากเรื่องราวหรือแรงบันดาลใจภายนอกกันซะส่วนใหญ่ แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตามที่เราชอบและไม่เบียดเบียนใคร ก็ควรเคารพทุกความคิด แรงบันดาลใจ และเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่าให้เสียงของคนรอบข้างมาหยุดและฉุดรั้งไอเดียของเราไว้ เมื่อใดที่คุณกำลังลงมือทำ คุณจะเหลือตัวคนเดียว ผู้คนรอบข้างต่างไม่เห็นด้วย รวมถึงคุณจะต้องเจออุปสรรคมากมายในระหว่างการเดินทาง แต่สิ่งที่คุณได้รับจะมีคุณค่าในตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้วัดผลด้วยเงินทองหรือสิ่งของที่จับต้องได้เท่านั้น หากแต่เป็นการที่เรารู้จักตัวเองมากขึ้น ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และรู้ว่าสิ่งไหนที่เราควรจะให้คุณค่าแก่มัน
