ทุกๆ คนย่อมมีปัญหาเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น ใครจะสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ปล่อยปัญหาเหล่านั้นมาทำลายชีวิตของเรา บางทีความอดทน ความพยายาม ความใจดีก็ไม่ได้ช่วยอะไร กลับมามองใจเราตัวเราดีกว่าควรจะพักไว้ก่อนดีหรือไม่ การที่เราฝืนต่อไปอาจจะทำลายชีวิตคุณมากกว่าที่คุณคิดก็ได้

1. ไม่อยากลุกไปทำงาน

โอ๊ย… แค่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปทำงานและต้องนั่งอยู่ที่ออฟฟิสตั้ง 8 ชั่วโมง เหนื่อยตั้งแต่ก่อนจะนอนเเล้ว5555 ความรู้สึกนี้จริงๆ ทุกคนก็ต้องมีรู้สึกกันบ้าง อาจจะเพราะสังคมการทำงาน หรือการเดินทาง เริ่มเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าคุณกำลังเริ่มไม่มีความสุขในการทำงาน

2. รู้สึกอึดอัด และฝืนใจทำงานทุกๆ วัน

สำหรับความรู้สึกอึดอัดและต้องฝืนใจทำงานก็เป็นความรู้สึกที่ทุกคนมีบ้างเป็นช่วงๆ แต่หากคุณมีความรู้สึกเหล่านี้นานๆ มันจะส่งผลกระทบในหลายๆ ด้านเลยนะ ไม่ว่าจะเรื่องประสิทธิภาพของงาน เรื่องความเครียดของคุณ และสุขภาพ ดังนั้นหากคุณมีความรู้สึกเหล่านี้ยาวนานกว่าหกเดือน คุณก็ควรพักเรื่องงานไปก่อน และหากิจกรรมดีๆ เพื่อให้จิตใจของคุณดีขึ้นเสียก่อนแล้วค่อยกลับไปทำงานต่อก็ไม่สาย

3. คิดอะไรไม่ออก สมองไม่เปิดรับอะไร

การที่คุณทำงานไปเอื่อยๆ เรื่อยๆ คือการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ สำหรับการทำงานที่ดี คุณควรมีความกระตือรือร้นที่จะทำเพื่อบรรลุเป้าหมายและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เพื่อเพิ่มประสบการณ์และความรู้ความสามารถของคุณ เราคิดว่าคุณก็คงจะรู้ตัวเองบ้างแล้วล่ะว่าคุณเป็นแบบที่เราบอกรึป่าว การที่สมองตื้อคิดอะไรไม่ออกไม่ได้หมายความว่าว่าคุณไม่พยายามที่จะพัฒนาตัวเอง แต่เป็นเพราะคุณมีความเครียดความกดดันต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาทำให้ฮอร์โมนหลั่งสารที่ไม่ดีต่อร่างกายของคุณ ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องปลดปล่อยความเครียดความกดดันต่างๆ ได้แล้ว


4. เริ่มบ่นจนไม่รู้จะบ่นอะไรเเล้ว

ในช่วงที่คุณมีเรื่องที่ไม่สบายใจ ก็คงมีบ่นๆ บ้างหรือหาคนอื่นที่รับฟังปัญหาเป็นเพื่อนคุณ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งแล้วปัญหาต่างๆ ยังคงมีอยู่และคุณไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงทำให้คุณเหนื่อยที่จะพูดถึงปัญหาเหล่านั้นและคุณต้องแบกรับไว้อยู่คนเดียว

5. อารมณ์แปรปรวน ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้

เมื่อคุณมีความเครียดความกดดันหรือปัญหาที่คุณรับมืออยู่แล้วแต่กลับต้องไปเจอปัญหาใหม่ๆ เข้ามาอีก คุณจึงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับคุณ และเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เหมือนดังเดิม จนตัวคุณเองเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่แย่ลง จุดๆ นี้คือจุดที่คุณต้องเริ่มหันมาใส่ใจความรู้สึกตัวเองมากกว่าเดิมได้แล้ว


6. เริ่มจัดการอะไรไม่ได้

จากที่คุณมีความเครียดอยู่แล้วทำให้สมองและร่างกายของคุณตอบสนองได้ไม่ดีเหมือนเดิม รวมถึงอารมณ์ของคุณที่แปรปรวนด้วย จึงทำให้การตัดสินใจหรือความคิดสร้างสรรค์ในการอก้ปัญหาต่างๆ น้อยตามลงไปด้วย

7. ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ในแต่ละวัน

แต่ละวันของการทำงานเราทุกคนย่อมมีการวางแผนกำหนดเป้าหมายพื่อให้งานเราเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากว่าคุณเริ่มทำงานได้ช้าลงหรือรู้สึกไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ก็เป็นสัญญาณเตือนเพื่อให้คุณได้พักผ่อนและหันกลับมายังจุดโฟกัสเดิมของคุณได้แล้ว


8. ร่างกายอ่อนเพลียเมื่อยล้า

จากที่กล่าวไปในหลายๆ ข้อ ยิ่งคุณมีความเครียดความกดดันไม่ว่าจะที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว จะส่งผลต่อเสียร่างกายของคุณให้เมื่อยล้า รวมถึงความสามารถในการจดจ่อกับการทำงานลดลง

9. มีเวลาแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลา

ความคิดและจิตใจของคุณโหยหาการหยุดนิ่งและการพักผ่อน เมื่อคุณมีเวลาว่างหลังเลิกงานหรือวันเสาร์-อาทิตย์ คุณจึงชอบที่จะอยู่คนเดียวและเสพสิ่งต่างๆ เพื่อฆ่าเวลาว่างของคุณที่คิดว่าจะช่วยเยียวยาจิตใจของคุณให้ดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วสิ่งเหล่านั้นช่วยคุณได้เพียงชั่วคราว ณ ขณะนั้นเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเยียวยาคุณในระยะยาวและเสียเวลาที่สำคัญไปโดยไม่มีประโยชน์ จึงทำให้คุณดูวุ่นวายกับตัวเองและรู้สึกเหมือนไม่มีเวลาพอ


10. พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

เมื่อคุณมีเวลาว่างคุณก็มักจะเสพสิ่งต่างๆ ที่คิดจะช่วยให้คุณคุณรู้สึกดีขึ้น จึงทำให้กินเวลานอนหลับของคุณมากกว่าเดิมทำให้นอนดึกขึ้น หรือมีอาการนอนไม่หลับ นอนไม่เต็มอิ่มตื่นมาก็ยังรู้สึกเพลียเหมือนเดิมแล้วก็ต้องดื่มกาแฟมากกว่าเดิมในวันรุ่งขึ้น วนไปแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นวงจรที่แก้ไม่หายสักที

Loading

Similar Posts
0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments