เมื่อยุคสมัยปรับเปลี่ยนตามสถานะการณ์ที่เป็นไป หลายๆ คนก็จึงต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ทันต่อสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการระบาดของไวรัสโควิด19 ที่เกิดขึ้นทั้งโลก ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ จึงทำให้หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องกลับมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปด้วย โดยให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ ที่เราเรียกกันว่า Work from home ซึ่งเป็นผลดีสำหรับบางคนที่สามารถจัดการและสามารถสร้างสมดุลในชีวิตได้เท่านั้น แต่สำหรับใครที่ยังรู้สึกว่าไม่แฮปปี้เท่าไหร่นัก ลองมาดูวิธีการปรับตัวในการทำงานรูปแบบใหม่ที่เรานำมาแชร์กันวันนี้ ที่อาจจะสามารถช่วยให้คุณทำงานแบบมี Work life balance ได้จริงๆ
1. ตื่นนอน อาบน้ำ ให้เป็นวลาเดียวกันกับตอนทำงานในออฟฟิศ
เตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจก่อนเริ่มต้นการทำงาน ด้วยการทำกิจวัตรในวันทำงานที่บ้านให้เหมือนกับการทำงานที่ออฟฟิศของเราตามปกติ พร้อมกับแต่งกายสบายๆ คล่องแคล่ว ไม่อึดอัด รวมถึงการรับประทานอาหารเช้าเพื่อให้มีพลังงานไปเลี้ยงร่างกายและสมอง สร้างความรู้สึกสดชื่น กระตือรือร้น พร้อมแก้ไขปัญหาและเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ ในทุกๆ วัน

2. จัดพื้นที่ส่วนทำงานที่เหมาะสม
ใครที่คิดว่าทำงานอยู่ที่บ้านแล้วสบายจะนอนหรือนั่งท่าไหนทำงานก็ได้นี่ คุณกำลังเข้าใจผิดอยู่ ^^ เพราะบางทีเมื่อคุณอยู่ในท่าเดิมนานๆ อาจจะได้มาซึ่งความเจ็บป่วยหรือปวดเมื่อยทางร่างกายได้ง่ายๆ ซึ่งอาจจะมีผลในระยะยาวได้ในอนาคต ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการจัดท่าทางในการทำงาน ซึ่งสามารถช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับงานได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสิ่งแวดล้อมในการทำงานไม่ว่าจะเป็นแสงที่สว่างเพียงพอ โต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่นั่งเเล้วสบายและเหมาะสม ไม่ต่ำหรือสูงเกินไปที่จะอาจทำให้ปวดเมื่อยได้
ในส่วนของสภาพแวดล้อมในห้องที่ดี มีระเบียบ ก็ช่วยให้การทำงานที่บ้านของเราเป็นการทำงานที่มีความสุขและสะดวกสบายขึ้นอย่างแท้จริงได้ เพราะบางทีใครหลายคนก็ไม่แฮปปี้สักเท่าไหร่นักจากการทำงานอยู่ที่บ้าน หากใครที่รู้สึกหดหู่หรือคิดลบคิดฟุ้งซ่านไปไกล ลองมาเริ่มปลูกต้นไม้ ให้สีเขียวของใบไม้เข้ามาช่วยให้จิตใจเราได้สงบ สดชื่นขึ้นได้ หรือจะลองตกแต่ง+จัดระเบียบห้องตามแบบที่เราชอบ และกลับมาโฟกัสกับตัวเอง ขจัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ นั้นออกไป

3. ทำ To do list และมีการสื่อสารกับหัวหน้างานหรือคนในทีมให้ชัดเจน
การทำ To do list ในแต่ละวันและมีแผนระยะสั้นให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ช่วยให้การทำงานของเรามีเป้าหมาย และเป็นกรอบในการทำงานของเรา ทำให้เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง งานไหนสำคัญสุดหรืองานไหนสำคัญรองลงมา จะช่วยงานของเราเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราจะต้องทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่น การประชุมวางแผนระยะสั้นและอัพเดทสถานะของการทำงานในทุกๆ วันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะบางทีหลายๆ คนชอบคิดฟุ้งซ่านไปไกล รู้สึกเหมือนตัวเองทำงานอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าคนอื่นทำอะไร หรือคนในทีมไม่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ดังนั้นการสื่อสารและแผนงานที่ชัดเจนช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ก็อย่าประชุมมากเกินความจำเป็นล่ะ เพราะแทนที่จะได้งานก็อาจจะกลับกลายเป็นเสียงานเลยก็ได้

4. กำหนดเวลาทำงาน เวลาพัก เวลาเลิกงาน
เมื่อเราต้องอยู่แต่บ้านหรือห้องแคบๆ ทำแต่งานไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาพักก็ไม่รู้จะทำอะไรดี กลายมาเป็นว่าไม่ได้พักเลย สักวันก็จะหมดพลังกายพลังใจแน่ๆ ไม่เป็น Work life balance อย่างที่คิดซะแล้ว ดังนั้นควรแบ่งเวลาในแต่ละวัน ในช่วงเวลาที่ควรทำงานก็ให้โฟกัสงานไป และเวลาไหนพักก็ต้องรู้เวลาตัวเองด้วยนะ รู้ว่าเวลาไหนต้องกินข้าว หรือเวลาไหนควรลุกยืดเส้นยืดสายพักสายตา พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวบ้าง หรือจะจิบชา-กาแฟ กับเค้กสักชื้นก็ไม่เลว เพื่อผ่อนคลายสมองและร่างกายตัวเองบ้าง ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนตัวเองเลยนะ


5. ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายบ้าง
หลายคนที่ Work from home มักบอกว่าปวดหลัง เมื่อแขน ปวดมือ หรือรู้สึกหดหู่อยู่ ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอก หากเราต้องทำอะไรเดิมๆ ในท่าเดิม อยู่ในห้องแคบๆ ทุกวัน แม้ว่าจะออกไปชิวๆ ข้างนอกบ้านบ้างก็กลัวจะติดเชื้อไวรัสโควิด19 ที่กำลังแพร่ระบาดหนักมากในช่วงนี้ ก็ลองมาหากิจกรรมใหม่ๆ อยู่บ้านดูบ้าง และออกกำลังกายบ่อยๆ ก็ช่วยหลั่งสารความสุข ให้เราสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง แถมยังช่วยให้ไม่มีพุงย้วยๆ ปลิ้นออกมาให้เห็น และที่สำคัญไม่แพ้กัน ให้พยายามควบคุมปริมาณอาหารไม่กินเกินความจำเป็น โดยเฉพาะขนมกรุบกรอบ น้ำหวานต่างๆ เพราะเมื่อเราทำงานอยู่ทีบ้านจะไม่ค่อยได้ใช้พลังงานมากเท่าที่ออฟฟิศ จึงควรจะควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราด้วย

หวังว่าเทคนิคที่เรานำมาแชร์กันในวันนี้จะสามารถช่วยยกระดับความสุขให้คุณผู้อ่านได้บ้าง ขอให้ชีวิตของคุณเป็นชีวิตที่สมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ที่เป็นทั้งความหวัง กำลังใจ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรอบข้าง และที่สำคัญขอให้คุณมีความสุข มีพลังได้ด้วยตนเองอย่างเข้มแข็งต่อไป ✌️✌️❤️